สาเหตุที่สำคัญของโรคปริทันต์
คือ
คราบจุลินทรีย์ (Bacterial Plaque)
คราบจุลินทรีย์
คือ คราบสีขาวขุ่นนิ่มที่ประกอบด้วยเชื้อโรคติดอยู่บนตัวฟัน ซึ่งแม้ว่าจะบ้วนน้ำก็ไม่สามารถหลุดออกได้
ขบวนการเกิดคราบจุลินทรีย์เริ่มต้นหลังจากที่แปรงฟันแล้วเพียง ๒-๓
นาที โดยจะมีเมือกใสของน้ำลายมาเกาะที่ตัวฟัน จากนั้นเชื้อโรคที่มีอยู่มากมายในปากจะมาเกาะทับถมกันมาก
ๆ เข้าเกิดเป็นคราบจุลินทรีย์ คราบจุลินทรีย์นี้เองที่เป็นต้นเหตุที่ทำให้เกิดโรคฟันผุและโรคปริทันต์
เมื่อรับประทานอาหารเข้าไป คราบจุลินทรีย์นี้จะใช้น้ำตาลจากอาหารสร้าง
กรด และสารพิษ
กรด
จะทำลายเคลือบฟันทำให้ ฟันผุ
สารพิษ
จะทำให้เหงือกอักเสบเกิด โรคปริทันต์
ถ้าไม่กำจัดคราบจุลินทรีย์ โดยการทำความสะอาดฟันและเหงือกอย่างดีทุกวัน
คราบนี้จะเพิ่มมากขึ้น และทำอันตรายต่อฟันและเหงือก มักพบคราบจุลินทรีย์มากโดยเฉพาะที่คอฟัน
บริเวณขอบเหงือกและซอกฟัน สามารถใช้สีย้อมให้เห็นคราบได้ชัดเจน แต่ในรายที่คราบหนามาก
ๆ สามารถจะเห็นและรู้สึกเมื่อใช้ลิ้นสัมผัสไปตามฟัน
หินปูนหรือหินน้ำลาย
คือคราบจุลินทรีย์ที่แข็งเนื่องจากมีธาตุแคลเซี่ยมจากน้ำตาลเข้าไปตกตะกอน
อย่างไรก็ตามบนพื้นผิวของหินปูนยังมีคราบจุลินทรีย์ปกคลุมอยู่ ฉะนั้นหินปูนที่มีคราบจุลินทรีย์ปกคลุมจึงเป็นสาเหตุของโรคปริทันต์ได้
หินปูนที่โผล่พ้นขอบเหงือกจะมองเห็นได้ แต่หินปูนที่อยู่ในร่องเหงือกจะมองไม่เห็น
โดยเหตุที่คราบจุลินทรีย์จะค่อย ๆ แข็งตัว ดังนั้นจึงควรกำจัดคราบจุลินทรีย์เสียก่อนที่จะแข็งเป็นหินปูน
เพราะวิธีทำความสะอาดฟันด้วยตนเองนั้นไม่สามารถกำจัดหินปูนออกได้ ทันตแพทย์เท่านั้นที่สามารถกำจัดหินปูนออกได้
อย่าลืมว่า "ท่านสามารถกำจัดคราบจุลินทรีย์เหนียว
ๆ ออกจากฟันไดด้วยตนเอง"
แต่ "ท่านไม่สามารถเอาหินปูนออกเองได้ หรือเอาคราบจุลินทรีย์ที่ยึดติดอยู่บนหินปูนใต้เหงือกออกได้"
สาเหตุร่วมที่ทำให้เกิดโรคปริทันต์
๑. การมีเศษอาหารติดแน่นหรือค้างตามซอกฟัน
และตัวฟัน เนื่องจาก
๑.๑ ฟันสัมผัสกันผิดปกติ เช่น
หลวมเกินไปหรือเว้นช่องว่างไม่พอดี
๑.๒ ฟันเก
๑.๓ ฟันไม่อยู่ในระดับเดียวกัน
เช่น ถอนฟันไปแล้วไม่ได้ใส่
ทำให้ฟันบนตรงข้ามยื่นยาวลงมา ดังนั้นระดับของฟันที่ยื่นลงมากับฟันข้างเคียง
จึงไม่อยู่ในระดับเดียวกัน จากสาเหตุ ข้อ ๑.๑ - ๑.๓ นั้น เมื่อรับประทานอาหารจึงมักมีเศษอาหารติดแน่นตามซอกฟัน
โดยมีแรงอัดเข้าซอกฟันกดบนเหงือกทำให้เหงือกอักเสบและเกิดเป็นโรคปริทันต์ได้
๒. การมีขอบวัสดุอุดฟันเกินออกมา ทำให้เป็นที่สะสมของคราบจุลินทรีย์
และขัดขวางการทำความสะอาด เช่น ทำให้เส้นใยไนล่อนขาดระหว่างการทำความสะอาดซอกฟัน
๓. การมีฟันปลอมที่หลวมหรือแน่นเกินไป หรือไม่ถูกต้อง
เช่น การมีเหงือกอักเสบใต้ฟันปลอมที่หลวม
๔. สาเหตุร่วมทางร่างกายที่ทำให้โรคปริทันต์เป็นรุนแรงขึ้น
เช่นระยะวัยรุ่น ระยะตั้งครรภ์ และหมดประจำเดือน ซึ่งมีระดับฮอร์โมนเปลี่ยนแปลงไป
ผู้ที่อยู่ในวัยดังกล่าว ถ้ามีสภาพเหงือกที่แข็งแรงอยู่แล้ว จะไม่เป็นโรคปริทันต์
แต่ถ้ามีการอักเสบของเหงือกอยู่จะทำให้เป็นมากขึ้นกว่าปกติ
๕. สาเหตุร่วมทางร่างกายอื่น ๆ อาจเกิดจากการขาดอาหารบางชนิด
โรคทางด้านจิตใจ โรคลมบ้าหมู ซึ่งผู้ป่วยรับประทานยาพวก Dilantin (มีแนวโน้มทำให้เหงือกโตขึ้น
โดยเฉพาะเมื่อรักษาความสะอาดไม่ดี) โรคเลือดต่าง ๆ รวมทั้งผู้ที่ร่างกายมีความต้านทานและการซ่อมแซมต่ำ
เป็นต้น
|